กลับมาการวิพากษ์วิจารณ์ข้อความที่ว่า “ขั้นปฏิบัติภาวนาของวัดพระธรรมกายนี่เป็นเพียงขั้นสมถะกรรมฐานยังไม่เป็นวิปัสสนากรรมฐาน” ในงานวิจัยเรื่อง “สมาธิในพระไตรปิฎกวิวัฒนาการการตีคำสอน เรื่อง สมาธิในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทในประเทศ” คณะผู้วิจัยก็คือ วริยา ชินวรรโณและคณะเสียที
ข้อความดังกล่าวนี้ “ไม่ถูกต้อง”
หลักฐานก็มาจากเนื้อหาของ งานวิจัยเรื่อง “สมาธิในพระไตรปิฎกวิวัฒนาการการตีคำสอน เรื่อง สมาธิในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทในประเทศ” เอง
ในบทที่ 3 คณะผู้วิจัยได้อ้างอิงหนังสือของคุณภุมรา ตาละลักษณ์ เรื่อง “รวมพระธรรมเทศนา วิเคราะห์การเจริญสมถวิปัสสนากรรมฐานตามแนววิชาธรรมกาย”
หนังสือของคุณภุมรา ตาละลักษณ์ เล่มดังกล่าว บรรยายว่า ในการพิจารณาตั้งแต่กายมนุษย์หยาบ-กายอรูปพรหมละเอียดเป็นสมถกรรมฐาน
ตั้งแต่กายธรรมโคตรภูหยาบ-กายธรรมพระอรหัตละเอียดเป็นวิปัสสนา ดังนั้น วิชาธรรมกายก็ต้องมีทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
ในงานวิจัยชิ้นเดียวกัน มีความข้อความขัดกันอย่างนี้ คือ ข้อความที่ยกมาจากคุณยงยุทธ์ก็ว่าไปอย่างหนึ่ง ข้อความที่ยกมาจากคุณภุมรา ตาละลักษณ์ก็ว่าไปอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งความหมายขัดกันอย่างชัดเจน
งานวิจัยนี้ ก็ต้องมีที่ผิดแน่ๆ ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง
ข้อผิดพลาดประเด็นที่ 3
ข้อวิพากษ์วิจารณ์ข้อผิดพลาดประเด็นที่ 3 คือ ข้อความนี้
“การปฏิบัติเป็นการเพ่งกสิณ”
ข้อความนี้ก็ผิดอีก ต้องอธิบายคำว่า “การเพ่งกสิณ” ก่อน
การเพ่งกสิณ นี่เป็นการทำสมาธิที่เอาจิตไว้นอกตัว เป็นมิจฉาทิฐิไม่ใช่แนวทางของพระพุทธศาสนา เช่น จะใช้กสิณไฟ ก็จุดเทียนขึ้นมา แล้วเพ่งไปที่เทียน
สมถะกรรมฐาน 40 วิธีนั้น เป็นของมาตั้งแต่ก่อนตั้งพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้ารับเข้ามาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในเกณฑ์ของศาสนาพุทธ
เขาเล่าว่า คนที่เก่งๆ สามารถทำให้เปลวเทียนสูงขึ้นมา แล้วก็หดลงไป ถ้าเก่งมากๆ ก็สามารถทำให้เทียนระเบิดได้เลย ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง
ถ้าจะใช้กสิณแสงสว่าง ก็เจาะฝาให้เป็นวงกลม ให้แสงลอดเข้ามา แล้วก็เพ่งที่แสงสว่างนั้น นี่ การเพ่งกสิณเข้าทำกันแบบนี้
สำหรับสายวิชาธรรมกายนั้น ใช้สมถะกรรมฐาน 3 วิธีพร้อมกันคือ
1) อาโลกกสิณ หรือ กสิณแสงสว่าง ก็คือ นึกให้เห็นดวงนิมิตเป็นดวงแก้วขาวใส
2) อานาปานสติ สายวิชาธรรมกายเป็นอานาปานสติดังนี้ เวลาเราหายใจเข้าไปนั้น ลมจะไปหยุดอยู่ที่ในท้องเราที่ระดับเหนือสะดือ 2 นิ้วมือของใครของมัน หลวงพ่อวัดปากน้ำจึงกำหนดให้จุดนี้เป็นฐานที่ 7
การเอาใจไปหยุดที่ฐานที่ 7 เป็นอานาปานสติ คือ การกำหนดพิจารณาลมหายใจเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา การปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายจึงเป็นอานาปานสติด้วย
ตอนนี้สายพุทโธจำนวนมาก ก็ย้ายการจุดสังเกตลมหายใจจากจมูกลงไปอยู่ที่เหนือสะดือ 2 นิ้วมือนี้มากขึ้น
3) พุทธานุสสติ การกำหนดให้ผู้ปฏิบัติท่องคำว่า สัมมาอะระหังนั้น เป็นพุทธานุสสติ
โดยสรุป สายวิชาธรรมกายไม่ใช่การเพ่งกสิณอย่างแน่นอน เพราะ วิธีการผิดกันดังฟ้ากับเหว
ข้อผิดพลาดประเด็นที่ 4
ข้อผิดพลาดประเด็นที่ 4 คือ ข้อความนี้
โดยผู้ปฏิบัตินึกว่า มีดวงแก้วหรือพระพุทธรูปอยู่ตรงกลางกายอย่างใดอย่างหนึ่ง
ข้อความที่ควรวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ “อยู่ตรงกลางกาย” ซึ่งจะวิพากษ์วิจารณ์ได้ 2 ประเด็นคือ
1) วิชาธรรมกายของแท้นั้น ต้องนึกนิมิตก่อนเป็นประการแรก แต่นิมิตนั้นจะเป็นอะไรมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
โดยทั่วไปก็ให้นึกนิมิตเป็นดวงแก้วกลมใสหรือพระพุทธรูปขาวใส ในการนึกนิมิตนั้น ไม่ใช่ให้ไปอยู่ในท้องเลย ต้องนำเข้าตามฐานของใจ 7 ฐาน คือ
ภาพ
สำหรับดวงนิมิตนั้น ถ้าเป็นผู้มีจิตใจแข็งกระด้างกว่าปกติ เช่น ผู้ต้องโทษจำคุก เป็นต้น ก็ให้นึกนิมิตเป็นภาพอสุภะก็ได้ แล้วก็เอาเข้าจมูกเหมือนกัน ปฏิบัติเหมือนการนึกนิมิตเป็นดวงแก้วเช่นเดียวกัน
2) คำที่ว่า “กลางกาย” ที่ถูกคือ ศูนย์กลางกาย เหนือฐานที่ 6 สองนิ้วมือของใครของมัน ถ้าอธิบายไม่ละเอียด ผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่มีโอกาสเห็นดวงธรรมเลย
ในส่วนของบทความนี้ ผมได้โต้แย้งไปว่า วิชาธรรมกายไม่ใช่เป็นสมถกรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นวิปัสสนากรรมฐานด้วย
วิชาธรรมกายไม่ใช่เป็นการเพ่งกสิณแบบนอกศาสนา และการปฏิบัติธรรมตามสายวิชาธรรมกายต้องนำนิมิตเข้าไปตามฐานของใจ จำนวน 7 ฐาน
เขียนได้ดี
ตอบลบ