ข้อผิดพลาดประเด็นที่ 7
ข้อผิดพลาดประเด็นที่ 7 คือ ข้อความนี้
หยุดกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะนั้น พอถูกส่วนเข้าก็จะเห็น “กายมนุษย์หยาบ” และเปลี่ยนเป็น “กายมนุษย์ละเอียด”
ข้อความนี้ก็เช่นเดียวกัน มั่วสุดๆ ยิ่งเป็นหลักฐานว่า คุณยงยุทธนี่แกทั้งยกเมฆและนั่งเทียน มั่วสิ้นดี
ตามหลักการมาตรฐานของวิชาธรรมกายแล้ว การที่ทำวิชาผ่านดวงหรือผ่านกายไป ก็ต้องนึก ซึ่งตามศัพท์เฉพาะ (Technical term) ในวิชาธรรมกาย เอง จะเรียกว่า “สั่ง” ไม่ใช่ว่า เอาใจไปหยุดเฉยๆ แล้วจะผ่านดวงหรือผ่านกายไปได้
การทำวิชาธรรมกายขนานแท้นั้น พอถึงดวงวิมุตติญาณทัสสนะแล้ว ก็ต้องส่งใจไปที่จุดเล็กใสกลางดวง แล้วนึกให้จุดเล็กใสว่างออกไป ก็เห็นกายมนุษย์ละเอียดทันที
กายมนุษย์ละเอียดนี่จะเหมือนเราทุกอย่าง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็เหมือนกับที่เราสวมใส่อยู่ในขณะนั้น แต่จะเป็นสีขาวใสเท่านั้นเอง
ไม่ใช่พอจุดเล็กใสว่างออกไปแล้ว ก็จะเห็นกายมนุษย์หยาบอีก แล้วกายมนุษย์หยาบถึงจะเปลี่ยนเป็นกายมนุษย์ละเอียด ไม่รู้ว่า คุณยงยุทธ์แกหลับหูหลับตาเขียนไปได้อย่างไร
การฝึกวิชาธรรมกายในขั้นตอนแรกนี่ เราไม่เห็นกายมนุษย์หยาบ ก็เมื่อหลับตาไปแล้วจะเห็นกายมนุษย์หยาบได้อย่างไร
กายมนุษย์หยาบก็คือกายเนื้อของเรานี่ จะเห็นก็เมื่อเราลืมตาขึ้นมา
ในวิชาธรรมกายนี้ กายมนุษย์หยาบเราจะเห็นจากการปฏิบัติก็เมื่อเป็นการฝึกในขั้นสูงๆ ขึ้นไป แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณยงยุทธแกมั่วมา
ขาดความรับผิดชอบจริงๆ คุณยงยุทธนี่
ข้อผิดพลาดประเด็นที่ 8
ข้อผิดพลาดประเด็นที่ 8 คือ ข้อความนี้
ถ้าปฏิบัติต่อไปก็จะถึง “กายพระอรหันต์ละเอียด” หลุดพ้นจากกิเลสหมด
ข้อความตรงนี้ นี่แหละที่เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดแจ้งที่สุดว่า คุณยงยุทธนี่ ไม่ได้รู้เรื่อง หรือศึกษาวิชาธรรมกายอย่างเป็นวิชาการ แกคงไปฟังๆ เขามา
คนที่แกไปฟังมานี่ก็คงไม่เรียนวิชาธรรมกาย ก็คงไปฟังๆ เขามาอีกที
กายละเอียดที่สุดในกายพื้นฐาน 18 กายนี้ ศัพท์วิชาธรรมกายเขาเรียก “กายธรรมพระอรหัตละเอียด” ไม่ใช่กายพระอรหันต์
แล้ววิชา 18 กายนี่เป็นวิชาระดับอนุบาลของวิชาธรรมกายทั้งหมด ไม่ใช่พอทำกายพระอรหัตได้ เป็นพระอรหันต์เลย
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นักเรียน/นักศึกษาในประเทศไทย ไม่เป็นพระอรหันต์กันเป็น พันๆ คนแล้วหรือ
หนังสือที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนไว้ สามารถนำมาเป็นหลักสูตรได้มี 4 เล่มคือ
1) ทางมรรคผล
2) คู่มือสมภาร
3) วิชามรรคผลพิสดาร 1
4) วิชามรรคผลพิสดาร 2
หนังสือทั้ง 4 เล่มดังกล่าวนั้น หนังสือทางมรรคผลเป็นหลักสูตรเบื้องต้น หนังสือคู่มือสมภารเป็นหลักสูตรระดับกลาง
ส่วนหนังสือวิชามรรคผลพิสดาร 1 และ 2 นั้นเป็นหลักสูตรชั้นสูงที่อยู่ในระดับยากและยากมากตามลำดับ
หนังสือจำนวน 4 เล่มดังกล่าว คุณลุงการุณย์ บุญมานุช ได้นำมาขยายความให้เข้าใจง่ายขึ้น เป็นหนังสือ 4 เล่ม/กลุ่ม ดังนี้
1) หนังสือทางมรรคผลได้รับการขยายความเป็นหนังสือทางรอดของมนุษย์มีทางเดียว เท่านั้น และหนังสือ ผู้ใดเห็นดวงธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ตถาคตคือธรรมกาย นอกจากนั้นแล้ว ยังได้ขยายความการสอนไปในหนังสืออื่นๆ อีก เช่น คู่มือการสอนของวิทยากรเอก วิชาธรรมกายฉบับครึ่งหลักสูตร สำหรับนักเรียนที่มีเวลาน้อย เป็นต้น
2) คู่มือสมภาร ได้รับการขยายความเป็นหนังสือ แนวเดินวิชาหลักสูตรคู่มือสมภาร ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
3) วิชามรรคผลพิสดาร 1 ได้รับการขยายความเป็นหนังสือ แนวเดินวิชาหลักสูตรวิชามรรคผลพิสดาร ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
4) วิชามรรคผลพิสดาร 2 ได้รับการขยายความเป็นหนังสือ แนวเดินวิชาหลักสูตรวิชามรรคผลพิสดาร 2 ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
โดยสรุป หนังสือทั้ง 4 เล่มดังกล่าวของพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ) ประกอบไปด้วยหลักสูตรสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน กล่าวคือ วิธีพิจารณาขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 และปฏิจจสมุปบาท 12 ไว้อย่างละเอียด
นอกจากนั้นแล้วยังอธิบายถึงวิชา 3 ซึ่งก็คือ วิชาที่ทำให้พระพุทธเจ้าบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอย่างละเอียดครบถ้วน อันประกอบด้วย วิชาปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ การะลึกชาติ วิชาจุตูปปาตญาณ คือ การเห็นเกิดแก่เจ็บตายของสัตว์โลก และวิชาอาสวักขญาณ คือ การทำกิเลสให้สิ้น
ขอกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น ไม่ได้มีเพียงคุณลุงการุณย์นำมาขยายความเท่านั้น ทางบุคลากรของวัดหลวงพ่อวัดปากน้ำธรรมกายาราม จังหวัดราชบุรี เช่น หลวงป๋าก็ได้นำไปขยายความและอธิบายเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน
จากที่กล่าวไปข้างต้น คนที่ทำวิชาจนเห็นกายธรรมพระอรหัตไม่ใช่ว่าจะ “หลุดพ้นจากกิเลสหมด” ยังเป็นเพียงวิชาเบื้องต้นในระดับอนุบาลเท่านั้น เป็นหลักสูตรในหนังสือทางมรรคผล ซึ่งคนทั่วไปชอบเรียกว่า หนังสือทางมรรคผล18 กาย เท่านั้น
และตรงนี้ก็เป็นที่ยืนยันว่า วิชาธรรมกายไม่ใช่มีเพียงสมถกรรมฐาน มีการสอนจนถึงวิปัสสนากรรมฐาน แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเข้าใจเป็นอย่างดีว่า วิปัสสนากรรมฐานก็ยังคงเป็นเพียงพื้นฐานของการบรรลุพระอรหันต์เช่นเดียวกัน
ท่านจึงไม่ได้เน้นการสอน หรือโปรโมทว่า วิชาธรรมกายเป็นวิปัสสนา ดังเช่น พระพม่า ที่เข้าใจผิดกันไป ทำให้สานุศิษย์ก็ผิดตามๆ กันไป
ผลเสียที่คาดไม่ถึงของคนไทยในยุคนี้ก็คือ พอฟังว่า สายพอง-ยุบเป็นวิปัสสนา เป็นทางเดียวที่สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ก็คลั่งไคล้กันไป
ทั้งๆ ที่ ไม่มีเอกสารอธิบายอย่างเป็นวิชาการ ที่จะพอจะฟังขึ้นได้เลยว่า ในขั้นบรรลุพระอรหันต์สายพอง-ยุบจะทำอย่างไร
ผลเสียที่ยิ่งขึ้นไปอีก ก็คือ พอได้ไปฝึกสายพอง-ยุบ นิสัยก็เริ่มออกไปทางดูถูกสายอื่นๆ เลยว่า สายโน้นสายนี้ไม่เป็นวิปัสสนา ของฉันเป็นวิปัสสนาอย่างเดียว
เอา........โง่กันเข้าไป .........
โดยสรุป ข้อบกพร่องในส่วนที่ 1 นี้ คณะผู้วิจัยไม่ควรนำหนังสือของคุณยงยุทธ์เข้ามาอ้างอิงในงานวิจัยชิ้นนี้ เนื่องจาก
1) ไม่ใช่เป็นเอกสารชั้นต้นของวิชาธรรมกาย
2) ไม่ใช่เอกสารที่เป็นงานวิชาการ เป็นหนังสือในท้องตลาดในตลาดล่างราคาถูกเท่านั้น
3) เนื้อหาที่นำมาอ้างอิงไม่ถูกต้องเลยแม้แต่ประการเดียว
สิ่งที่น่าผิดหวังเป็นอย่างที่สุดก็คือ นักวิจัยที่เป็นบุคลากรของวัดพระธรรมกาย คือ พระมหาสมศักดิ์ จันทสีโล ท่านไม่รู้เลยหรือว่า เนื้อหาในส่วนนี้ที่เกี่ยวข้องกับวิชาธรรมกายผิด
ถ้าผิดเล็กน้อยที่พออภัยกันได้ นี่มันผิดอย่างมหันต์เลยทีเดียว ซึ่งโดยปกติธรรมดาแล้ว คนที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำน่าจะรู้ แค่นี้ก็ยังไม่รู้ แล้วจะเป็นนักวิจัยที่ดีได้อย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น